วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

สรุปความจากหนังสือ One Up On Wall Street (ปีเตอร์ ลินช์) - ส่วนที่3


หนังสือ "เหนือกว่าวอลสตรีท"
สำนักพิมพ์ ฟิเดลลิตี้ พับลิชชิ่ง
เรียบเรียงโดยดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
จากหนังสือเรื่อง"One Up On Wall Street" ของ Peter Lynch, John Rothchild

หนังสือเกี่ยวกับแนวคิดการลงทุนของปีเตอร์ ลินช์ ผู้จัดการกองทุนที่เน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เจ้าของที่มาของแนวคิดและวลีสำคัญๆหลายๆอย่าง เช่น
  • PE Growth
  • อย่าถอนดอกไม้และรดน้ำวัชพืช
  • หุ้น 10 เด้ง

ส่วนที่3 ภาพระยะยาว

บทที่16 การออกแบบพอร์ตโฟลิโอ

·         คาดหวังกำไร 12-15% ในระยะยาว
o   4-6% ซื้อพันธบัตรดีกว่า
o   10% ซื้อindex fundดีกว่า
o   25-30% เวอร์เกิน
·         หุ้น 3-10 ตัวกำลังดี
o   หุ้นตัวที่ถืออยู่ดีแค่ไหนสำคัญกว่าจำนวนหุ้น
o   แต่ถือหุ้นตัวเดียวก็เสี่ยงต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
o   หุ้นที่ได้กำไรมากสุดอาจจะเป็นตัวที่ไม่คาดคิด
o   สามารถสับเปลี่ยนเงินทุนระหว่างหุ้นได้
·         กระจายเงินไปลงทุนในหุ้นหลายๆกลุ่ม
·         การตั้งกฎขายหุ้นอัตโนมัติไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีเพราะเป็นการใช้ราคาหุ้นเป็นตัวชี้มูลค่าพื้นฐานของบริษัท
·         การสับเปลี่ยนหุ้น
o   ออกจากหุ้นแข็งแกร่งเมื่อได้กำไร 30-50%
o   ถือหุ้นโตเร็วตราบเท่าที่กำไรและการขยายตัวยังน่าพอใจ ขายเมื่อเรื่องราวเริ่มน่าสงสัย
o   ถอนตัวจากหุ้นวัฏจักรและหุ้นฟื้นตัวถ้าพื้นฐานแย่ลงและราคาหุ้นเพิ่มขึ้น

บทที่17 เวลาที่ดีที่สุดที่จะซื้อและขาย

·         เวลาที่ควรขายหุ้นโตช้า
o   พื้นฐานเริ่มแย่ลง
o   ส่วนแบ่งการตลาดเริ่มลดลง
o   ไม่มีสินค้าใหม่ๆ
o   ซื้อกิจการที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเดิม
o   งบดุลแย่ลง
o   ผลตอบแทนเงินปันผลแย่ลง
·         เวลาที่ควรขายหุ้นแข็งแกร่ง
o   P/Eเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆที่คุณภาพใกล้เคียงกัน
o   สินค้าใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ
o   ไม่มีบุคคลภายในซื้อหุ้น
o   ธุรกิจหลักกำลังเผชิญความเสี่ยง
o   อัตราการเติบโตชะลอตัว
·         เวลาที่ควรขายหุ้นวัฏจักร
o   ต้นทุนเริ่มสูงขึ้น
o   บริษัทเริ่มขยายกำลังการผลิต
o   สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น
o   ราคาสินค้าเริ่มตกต่ำ
o   ราคาสินค้าในตลาดล่วงหน้าต่ำกว่าราคาสินค้าปัจจุบัน
·         เวลาที่ควรขายหุ้นโตเร็ว
o   การขยายตัวเริ่มตัน
o   P/Eเริ่มสูงเกินอัตราการเติบโตของกำไร
o   ยอดขายสาขาใหม่น่าผิดหวัง ยอดขายสาขาเดิมลดลง
·         เวลาที่ควรขายหุ้นฟื้นตัว
o   หลังจากหุ้นฟื้นตัวแล้ว
o   หนี้ที่ลดลงเรื่อยๆเริ่มจะเพิ่มขึ้น
o   สินค้าคงคลังเพิ่มเร็วกว่ายอดขาย
o   P/Eสูงเกินไป
o   ลูกค้าหลักมีน้อยรายและลูกค้ากำลังประสบปัญหาเหมือนกัน
·         เวลาที่ควรขายหุ้นทรัพย์สินมาก
o   เมื่อทรัพย์สินมูลค่ามากถูกค้นพบแล้ว
o   เมื่อบริษัทถูกเทคโอเวอร์
o   เมื่อมีประกาศว่าจะออกหุ้นใหม่เพื่อเอาเงินมาซื้อกิจการ
o   ขาดทุนสะสมลดลงหรืออัตราภาษีนิติบุคคลลดลง
o   นักลงทุนสถาบันถือหุ้นเพิ่มขึ้น

บทที่18 สิ่งที่โง่เขลาที่สุด(และอันตรายที่สุด)ที่คนพูดเกี่ยวกับราคาหุ้น

·         ถ้ามันลงมามากขนาดนี้แล้ว มันไม่สามารถลงต่ำกว่านี้ได้อีก
ไม่มีกฎที่จะบอกว่าหุ้นควรจะตกลงไปได้เท่าไหร่ในทางทฤษฎี
·         เราบอกได้เสมอว่าเมื่อไหร่ที่หุ้นถึงพื้นแล้ว
เราควรมีเหตุผลที่ดีกว่าในการซื้อหุ้น เช่นธุรกิจกำลังดีขึ้น มีเงินสดใกล้เคียงกับราคาหุ้น
·         ถ้ามันขึ้นไปสูงขนาดนี้แล้ว มันจะสูงขึ้นไปอีกได้อย่างไร
ไม่มีลิมิตที่ไร้เหตุผลว่าหุ้นจะสูงขึ้นไปได้อีกเท่าไหร่ถ้าเรื่องราวยังคงดี กำไรยังเพิ่มขึ้นและพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน
·         มันแค่3เหรียญต่อหุ้น ผมจะขาดทุนได้กี่สตางค์
หุ้นราคาถูกแต่เน่ามีความเสี่ยงเท่ากับหุ้นราคาแพงแต่เน่าถ้าราคามันตกลงมา
·         ในที่สุดมันจะกลับมาเสมอ
หุ้นหลายๆตัวก็ไม่กลับมาอีก
·         มันจะต้องมืดที่สุดเสมอก่อนที่จะสว่าง
บางทีมันก็มืดที่สุดเสมอก่อนที่จะเข้าหลุมดำ
·         เมื่อมันเด้งขึ้นมาที่10เหรียญ ผมจะขาย
ถ้าไม่มั่นใจพอที่จะซื้อหุ้นเพิ่มก็ควรจะขายซะ
·         หุ้นปลอดภัยไม่ผันผวนมาก
บริษัทไม่หยุดนิ่ง อนาคตเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีหุ้นอะไรที่สามารถถือได้โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
·         มันใช้เวลานานเกินไปสำหรับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น
ถ้าพื้นฐานดูมีอนาคต การอดทนมักจะให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
·         กำไรของเราหายไปเพราะเราไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้น
การถือเอากำไรของคนอื่นมาเป็นการขาดทุนส่วนตัวไม่ใช่ทัศนคติที่สร้างสรรค์
·         ผมพลาดตัวนั้น ผมจะจับตัวต่อไป
ตัวต่อไปไม่เคยทำงานได้อย่างที่เราหวัง
ส่วนใหญ่การซื้อบริษัทดีดั้งเดิมในราคาสูงดีกว่าที่จะซื้อบริษัทตัวต่อไปในราคาถูก
·         หุ้นขึ้น ดังนั้นเราวิเคราะห์ถูก หุ้นลง ดังนั้นเราวิเคราะห์ผิด
หุ้นที่ขึ้นหรือลงหลังจากที่เราซื้อมันมีความหมายแค่ว่า มีใครบางคนยอมจ่ายแพงกว่าหรือถูกกว่า

บทที่19 ออปชั่น ฟิวเจอร์ และชอร์ตเซล

·         อันตรายเกินกว่าจะให้ความสนใจ

บทที่20 คนฝรั่งเศส50,000คนอาจจะผิดได้

·         ราคาหุ้นสามารถเคลื่อนไหวตรงข้ามกับพื้นฐานได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

สรุปส่วนที่2

·         บางเวลาที่ตลาดตกลงไปมากเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้น
·         การพยายามทำนายทิศทางตลาดเป็นไปไม่ได้
·         เพื่อที่จะชนะ เราไม่จำเป็นต้องถูกตลอดเวลา ไม่ต้องถูกเป็นส่วนใหญ่ด้วย
·         หุ้นในกลุ่มที่ต่างกันมีความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกัน
·         ในระยะสั้นราคาหุ้นมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับพื้นฐาน ในระยะยาวราคาหุ้นจะไปในทางเดียวกันกับความสามารถในการทำกำไร
·         บริษัทที่กำลังแย่ไม่ได้หมายความว่าจะแย่ลงไม่ได้อีก
·         ราคาหุ้นขึ้นไม่ได้หมายความว่าเราถูก ราคาหุ้นลงก็ไม่ได้หมายความว่าเราผิด
·         ราคาหุ้นที่วิ่งเกินพื้นฐานจะพักหรือตกลงมาในไม่ช้า
·         ไม่ควรซื้อหุ้นของบริษัทที่อนาคตไม่สดใสแม้ว่าราคามันจะถูก
·         ไม่ควรขายหุ้นโตเร็วที่โดดเด่นเพราะเหตุผลแค่ว่าราคาสูงเกินไปแล้ว
·         บริษัทไม่ได้โตโดยไม่มีเหตุผล หุ้นโตเร็วก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดไป
·         เราไม่ได้ขาดทุนอะไรจากการไม่ได้ซื้อหุ้นที่ประสบความสำเร็จ
·         หุ้นไม่ได้รู้ว่าเราเป็นเจ้าของมัน
·         อย่าประมาทในหุ้นที่ชนะจนเลิกติดตามเรื่องราวของมันอีกต่อไป
·         สับเปลี่ยนหุ้นเมื่อราคามันสูงเกินพื้นฐานและมีตัวอื่นที่ดีกว่า
·         อย่าถอนดอกไม้และรดน้ำวัชพืช
·         ถ้าไม่มั่นใจว่าสามารถเอาชนะตลาดได้ ให้ซื้อกองทุนรวม
·         มีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลเสมอ
·         เปิดกว้างกับความคิดใหม่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น