หนังสือ "เหนือกว่าวอลสตรีท"
สำนักพิมพ์ ฟิเดลลิตี้ พับลิชชิ่ง
เรียบเรียงโดยดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
จากหนังสือเรื่อง"One Up On Wall Street" ของ Peter Lynch, John Rothchild
หนังสือเกี่ยวกับแนวคิดการลงทุนของปีเตอร์ ลินช์ ผู้จัดการกองทุนที่เน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เจ้าของที่มาของแนวคิดและวลีสำคัญๆหลายๆอย่าง เช่น
- PE Growth
- อย่าถอนดอกไม้และรดน้ำวัชพืช
- หุ้น 10 เด้ง
ส่วนที่2 เลือกผู้ชนะ
บทที่6 ไล่ล่าหา10เด้ง
บทที่7 เจอแล้ว เจอแล้ว เจออะไร
·
การลงทุนโดยปราศจากการวิเคราะห์ก็เหมือนการเล่นไพ่โป๊กเกอร์โดยไม่ดูไพ่ที่หงายออกมาของคู่แข่งเลย
·
ถ้าคุณกำลังพิจารณาหุ้นเพราะความเข้มแข็งของสินค้าบางตัวที่บริษัทผลิต สิ่งแรกที่ต้องค้นหาคือ ความสำเร็จของสินค้านั้นมีผลต่อกำไรของบริษัทแค่ไหน
·
หุ้น 6 ประเภท
1.
หุ้นโตช้า = คนที่ทำงานในตำแหน่งที่มั่นคงซึ่งจ่ายเงินเดือนต่ำและเงินเดือนขึ้นค่อนข้างช้า
·
อัตราการเติบโตประมาณเท่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
·
จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ
·
อุตสาหกรรมโตเร็วจะโตช้าลงในที่สุด
2.
หุ้นแข็งแกร่ง =
คนที่กินเงินเดือนสูงและเงินเดือนขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
·
กำไรต่อหุ้นเติบโตประมาณ10-12%ต่อปี
·
ตัวช่วยป้องกันในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
3.
หุ้นโตเร็ว =
คนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตแต่ก็มีอัตราการล้มเหลวสูงกว่ากลุ่มแข็งแกร่ง
·
เติบโตประมาณ20-25%ต่อปี
·
บริษัทโตเร็วไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็ว
·
เมื่อไหร่จะหยุดโตและต้องจ่ายเท่าไหร่เพื่อซื้อการเติบโตนั้น
·
หุ้นโตเร็วที่หมดแรงกลายเป็นหุ้นโตช้าจะลดค่าลงอย่างรวดเร็ว
(เพราะP/Eจะลดลง)
4.
หุ้นวัฏจักร =
คนที่ทำเงินในช่วงสั้นๆแล้วพยายามจัดเงินให้พอใช้ไปตลอดช่วงที่ไม่มีงานทำ
·
กำไรและยอดขายขึ้นลงสม่ำเสมอเป็นวัฏจักร
·
ตัวอย่างเช่น รถยนต์ สายการบิน ยาง เหล็ก เคมี
·
จังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้นๆจะได้เปรียบ
5.
หุ้นฟื้นตัว =
คนชั้นต่ำสุดของสังคมที่ยังมีแรงและความมุ่งมั่นเหลืออยู่
·
บริษัทที่ตกต่ำและเกือบล้มละลาย
6.
หุ้นทรัพย์สินมาก =
คนที่ได้รับมรดกเก่าแต่ไม่ได้ใช้แรงงานของตนหาเงินเลย
·
บริษัทที่มีทรัพย์สินมีค่ามากกว่ามูลค่าทางบัญชีและตลาดมองข้ามไป
·
ประเภทของบริษัทไม่ตายตัว
สามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ
บทที่8 หุ้นสมบูรณ์แบบ “อะไรจะถูกขนาดนั้น”
·
คุณสมบัติที่ดีของหุ้น 13 ประการ
1.
มีชื่อที่น่าเบื่อ
2.
ทำธุรกิจที่น่าเบื่อ
3.
ทำธุรกิจที่คนไม่เห็นด้วยหรือน่าขยะแขยง
4.
เป็นบริษัทที่แตกออกมาจากฝ่าย/ส่วนหนึ่งของบริษัท
5.
สถาบันถือน้อย นักวิเคราะห์ไม่ติดตาม
6.
มีข่าวลือว่าเกี่ยวข้องกับขยะพิษหรือมาเฟีย
7.
ทำธุรกิจที่น่าโศกเศร้าและหดหู่
8.
อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่โต
9.
บริษัทที่มีจุดเด่นอะไรซักอย่าง
10.
ทำสินค้าที่คนต้องซื้อมันเรื่อยๆ
11.
เป็นผู้ใช้เทคโนโลยี (ไม่ใช่ผู้ขายเทคโนโลยี)
ได้ประโยชน์(ต้นทุนลด+กำไรเพิ่ม)จากเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเรื่อยๆ
12.
บุคคลภายในบริษัทกำลังซื้อหุ้น
ในสถานการณ์ปกติ
การขายหุ้นไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ
การขายของบุคคลภายในเป็นเหตุผลที่แย่มากที่จะทำให้ไม่ชอบหุ้น
เหตุผลที่บุคคลภายในจะซื้อหุ้นคือ
มันมีราคาต่ำกว่าความเป็นจริง
13.
บริษัทกำลังซื้อหุ้นคืน
บทที่9 หุ้นที่ผมจะหลีกเลี่ยง
1.
หุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงที่สุดและได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุด
2.
หุ้นของบริษัทที่ถูกกล่าวขานว่าจะเป็นตัวต่อไปของบางอย่าง
(เช่น IBMตัวต่อไป Intelตัวต่อไป Disneyตัวต่อไป)
3.
หลีกเลี่ยงบริษัทที่ทำDiworseification (ยิ่งกระจายยิ่งแย่)
4.
ระวังหุ้นกระซิบ
5.
ระวังบริษัทที่ขายสินค้า15-50%ให้กับลูกค้าเพียงรายเดียว
6.
ระวังหุ้นที่มีชื่อที่น่าตื่นเต้น
บทที่10 กำไร กำไร และกำไร
·
หุ้นหนึ่งหุ้นไม่ใช่ล็อตเตอรี่หนึ่งใบ
แต่คือความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของธุรกิจ
·
ในระยะยาวราคาหุ้นจะไปตามผลกำไร
แม้ในระยะสั้นจะเบี่ยงเบนออกไปบ้าง
·
P/E = ราคาหุ้น/กำไร
·
วิธีพื้นฐาน 5 ประการในการเพิ่มกำไรคือ
1. ลดต้นทุน
2. ขึ้นราคาสินค้า
3. ขยายเข้าสู่ตลาดใหม่
4. ขายสินค้าในตลาดเดิมให้มากขึ้น
5. ฟื้นฟูหรือปิดกิจการที่ขาดทุน
บทที่11 การขุดคุ้ย2นาที
·
หาเรื่องราวของหุ้นว่าทำไมการเจริญเติบโตหรือเหตุการณ์ที่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
·
สร้างบทพูด2นาทีที่อธิบายว่าทำไมจึงสนใจหุ้นตัวนี้
อะไรจะต้องเกิดขึ้นเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จ
·
สำหรับหุ้นโตช้า
o
ทำธุรกิจอะไร?
o
มีธุรกิจใหม่ที่จะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโต?
o
กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี?
o
จ่ายปันผลดี ไม่เคยลดหรืองดจ่าย?
·
สำหรับหุ้นแข็งแกร่ง
o
P/Eปรับตัวขึ้นมากในช่วงหลายเดือนนี้หรือเปล่า?
o
เหตุการณ์อะไรที่จะเร่งการเจริญเติบโตของบริษัท
·
สำหรับหุ้นโตเร็ว
o
จุดเด่นอยู่ตรงไหน?
o
จุดเด่นนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วหรือยังว่าจะสำเร็จในที่อื่นๆ
ไม่ต้องรีบลงทุนในธุรกิจที่ยังไม่ได้พิสูจน์
o
ที่ไหนและอย่างไรที่มันจะโตเร็ว?
·
สำหรับหุ้นวัฏจักร
o
สภาวะของธุรกิจ สินค้าคงคลังและราคาสินค้า?
·
สำหรับหุ้นฟื้นตัว
o
ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น?
o
แผนการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร?
·
สำหรับหุ้นทรัพย์สินมาก
o
ทรัพย์สินนั้นคืออะไร? มีมูลค่าเท่าไหร่?
หักลบกลบหนี้แล้วเหลือมูลค่าเท่าไหร่?
บทที่12 ค้นหาความจริง
·
หาข้อมูลจากโบรกเกอร์ให้ได้มากที่สุด
·
โทรหาบริษัท
·
ระวังว่ามุมมองต่อเหตุการณ์เดียวกันของคนในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันจะมีความaggressive/conservativeไม่เหมือนกัน
·
เยี่ยมสำนักงานใหญ่
·
พบกับนักลงทุนสัมพันธ์
·
ตรวจเช็คหรือทดลองใช้สินค้า/บริการของบริษัท
·
อ่านรายงานประจำปี
บทที่13 ตัวเลขที่มีชื่อเสียง
·
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด + หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด
- หนี้สินระยะยาว(ที่มีดอกเบี้ย)
ฐานะการเงินของบริษัทเข้มแข็งหรือไม่
งบดุลดีขึ้นหรือแย่ลง
·
เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย
ความสำเร็จของสินค้านั้นมีผลต่อยอดขาย(และกำไร)ของบริษัทแค่ไหน
·
P/E
P/Eที่เหมาะสมควรจะน้อยกว่าหรือเท่ากับอัตราการโตของกำไร
(แนวคิดเรื่องPEG <= 1 มาจากปีเตอร์ลินช์นี่เอง)
·
P/E เทียบกับ (อัตราการเติบโตของกำไร+%ปันผล)
·
ฐานะเงินสด
บริษัทมีแผนจะทำอะไรกับเงินสดที่มีมาก
·
ปัจจัยทางด้านหนี้
o
ส่วนทุน/หนี้ระยะยาว(ที่มีดอกเบี้ย)
o
สำคัญเป็นพิเศษสำหรับหุ้นฟื้นตัวและหุ้นวัฏจักร(บริษัทไหนจะรอด
บริษัทไหนจะล้ม)
o
ประเภทของหนี้จากแย่ไปดี : หนี้ธนาคาร <
หนี้พันธบัตร,หุ้นกู้แปลงสภาพ
o
ระวังหนี้ที่ต้อง”ชำระเมื่อถูกเรียกร้อง”
·
ปันผล
บริษัทสามารถที่จะจ่ายปันผลในช่วงที่เลวร้ายหรือไม่
·
มูลค่าหุ้นทางบัญชี
o
มูลค่าหุ้นทางบัญชีมีความสัมพันธ์น้อยกับมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท
o
ทรัพย์สินที่มีราคาสูงเกินไปจะมีอันตรายเป็นพิเศษเมื่อมีหนี้สินจำนวนมาก
เมื่อทรัพย์สินสูญเสียมูลค่า
แต่หนี้ยังคงอยู่เท่าเดิม à
มูลค่าหุ้นติดลบ
o
ถ้าจะซื้อหุ้นเพราะมูลค่าหุ้นทางบัญชี
จะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามูลค่าเหล่านั้นคืออะไรจริงๆ
·
ทรัพย์สินที่ซ่อนอยู่
o
ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆที่ลงบัญชีไว้เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมา
o
แบรนด์ สิทธิบัตร อสังหาริมทรัพย์
o
หุ้นของบริษัทลูกที่ถืออยู่
o
ขาดทุนสะสม(สามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้)
·
กระแสเงินสดอิสระ(กระแสเงินสดหลังหักการลงทุนปกติแล้ว)
·
สินค้าคงคลัง
o
ดูการเพิ่ม/ลดของสินค้าคงคลัง(เทียบกับการเพิ่มขึ้นของยอดขาย)
o
บริษัทย่ำแย่+สินค้าคงคลังเริ่มลดลง = สิ่งต่างๆเริ่มฟื้นตัว
·
กองทุนเพื่อการเกษียณอายุ
o
(โดยเฉพาะหุ้นฟื้นตัว) ทรัพย์สินมากกว่าภาระที่ต้องจ่ายหรือเปล่า
·
อัตราการเติบโตของกำไร
o
อัตราการเติบโตของบริษัท != อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม
o
ถ้าทุกอย่างเท่ากัน หุ้นเติบโต20%ที่P/E20เท่าดีกว่าหุ้นเติบโต10%ที่P/E10เท่า
(ลองคำนวณดูได้)
·
กำไรก่อนหักภาษี
o
บริษัทที่จะถือระยะยาว เลือกที่มีprofit
marginสูง
o
หุ้นฟื้นตัว เลือกที่profit marginต่ำๆ
(กำไรจะเพิ่มหวือหวากว่าเพราะbaseที่ต่ำ)
บทที่14 ตรวจสอบเรื่องราวใหม่
อย่างน้อยทุกๆไตรมาส
บทที่15 รายการตรวจสอบสุดท้าย
โตช้า
|
แกร่ง
|
โตเร็ว
|
วัฏจักร
|
ฟื้นตัว
|
ทรัพย์
|
|
P/E ratio
(จ่ายแพงหรือเปล่า)
หุ้นโตเร็ว
·
เทียบP/Eกับอัตราการเติบโตของกำไร
·
20-25%กำลังดี สูงกว่านี้ก็อันตราย
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
%การถือหุ้นของสถาบัน
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
บุคคลภายในกำลังซื้อ
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
การเติบโตของกำไร
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
|
สัดส่วนหนี้ต่อทุน(หนี้ระยะยาวที่มีดอกเบี้ย)
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
ฐานะเงินสด
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
x
|
ปันผลสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้น
|
x
|
|||||
%ปันผลต่อกำไรàระดับเงินสำรองในช่วงเลวร้าย
|
x
|
|||||
มีการDiworsificationหรือไม่
|
x
|
|||||
ระหว่างช่วงเศรษฐกิจถดถอยเป็นอย่างไร(แข็งแกร่งจริง?)
|
x
|
|||||
สินค้าตัวเด่นเป็นส่วนสำคัญของบริษัทหรือไม่
|
x
|
|||||
การขยายตัวประสบความสำเร็จหรือไม่
|
x
|
|||||
ยังมีช่องว่างให้โตหรือไม่
|
x
|
|||||
อัตราเร่งของการขยายตัว(โตช้าลงแค่ไหน)
|
x
|
|||||
สินค้าคงคลัง
|
x
|
|||||
ความสัมพันธ์ระหว่างdemand-supply
|
x
|
|||||
รอบของวัฏจักร
|
x
|
|||||
โครงสร้างหนี้
|
x
|
|||||
หนทางที่จะฟื้นตัว
|
x
|
|||||
ธุรกิจกลับมาหรือยัง
|
x
|
|||||
ต้นทุนลดลงหรือยัง
|
x
|
|||||
ทรัพย์สินคืออะไร
มูลค่าเท่าไหร่
|
x
|
|||||
บริษัทกำลังก่อหนี้ใหม่หรือเปล่า
|
x
|
สรุปส่วนที่2
·
ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของบริษัทที่เราจะเป็นเจ้าของและเหตุผลในการถือหุ้น
·
จัดหุ้นเข้ากลุ่มเพื่อให้รู้ว่าควรจะคาดหวังอะไรจากหุ้นนั้น
หุ้นตัวหนึ่งอาจจะอยู่ได้ในหลายๆกลุ่มหรืออาจจะเปลี่ยนกลุ่มไปตามช่วงเวลาได้
·
บริษัทใหญ่จะวิ่งช้า
บริษัทเล็กสามารถวิ่งเร็วกว่าได้
·
พิจารณาขนาดของผลิตภัณฑ์ที่คาดหวังกำไรเทียบกับขนาดของบริษัท
·
ตั้งข้อสงสัยในอัตราการเติบโต 50-100%
·
หลีกเลี่ยงหุ้นร้อนในอุตสาหกรรมร้อน
·
ระวังบริษัทที่ดีแต่ราคาหุ้นแพงเกินไป
·
ยอมพลาดการขึ้นของหุ้นในระยะแรกเพื่อรอดูว่าแผนของบริษัทใช้ได้ผลจริง
·
เมื่อสงสัย ค่อยเข้าทีหลังจะดีกว่า (เสียดายดีกว่าเสียใจ)
·
แยกหุ้นเด็ดออกจากคนที่ใบ้หุ้น
หุ้นส่วนหุ้น
คนส่วนคน คนเก่งก็อาจจะพลาดได้ หุ้นตัวก่อนที่ใบ้ไปได้สวยก็ไม่ได้เกี่ยวกับหุ้นตัวนี้
·
หาบริษัทเล็กที่กำไรอยู่แล้วและพิสูจน์แนวคิดของมันแล้วว่าเป็นไปได้จริง
·
หาบริษัทที่ดูธรรมดา
ดูน่าเบื่อและไม่มีใครสนใจ
·
หาบริษัทที่โต 20-25% ในอุตสาหกรรมที่ไม่โต
·
หาหุ้นของบริษัทที่มีจุดเด่น
·
หาบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนสม่ำเสมอ
·
หาบริษัทที่สถาบันถือหุ้นน้อย
·
หาบริษัทที่ฝ่ายจัดการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
(บริษัทที่เป็นwealthหลักของเจ้าของ)
·
ถ้าจะหาหุ้นฟื้นตัว
หาตัวที่มีฐานะการเงินดีและมีหนี้ธนาคารน้อย
·
ดูประวัติการทำกำไรและการจ่ายปันผล
·
กำไรมหาศาลถ้าบริษัทที่มีปัญหาฟื้นตัวได้จริง
·
ซื้อหุ้นจากอนาคตของบริษัท
ไม่ใช่ที่คารมของกรรมการผู้จัดการ
·
สร้างเรื่องราวสั้นๆของหุ้นและเฝ้าติดตามเรื่องราวนั้น
·
การซื้อหุ้นของบุคคลภายในอย่างมีนัยเป็นสัญญานบวก
·
สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงสำหรับวิเคราะห์การลงทุน
·
มูลค่าทางบัญชีเป็นภาพลวงตา มูลค่าที่แท้จริงสำคัญกว่า
·
ลงทุนเวลาในการเลือกหุ้นใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น