หนังสือ "เหนือกว่าวอลสตรีท"
สำนักพิมพ์ ฟิเดลลิตี้ พับลิชชิ่ง
เรียบเรียงโดยดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
จากหนังสือเรื่อง"One Up On Wall Street" ของ Peter Lynch, John Rothchild
หนังสือเกี่ยวกับแนวคิดการลงทุนของปีเตอร์ ลินช์ ผู้จัดการกองทุนที่เน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เจ้าของที่มาของแนวคิดและวลีสำคัญๆหลายๆอย่าง เช่น
- PE Growth
- อย่าถอนดอกไม้และรดน้ำวัชพืช
- หุ้น 10 เด้ง
ส่วนที่3 ภาพระยะยาว
บทที่16 การออกแบบพอร์ตโฟลิโอ
·
คาดหวังกำไร 12-15% ในระยะยาว
o
4-6% ซื้อพันธบัตรดีกว่า
o
10% ซื้อindex fundดีกว่า
o
25-30% เวอร์เกิน
·
หุ้น 3-10 ตัวกำลังดี
o
หุ้นตัวที่ถืออยู่ดีแค่ไหนสำคัญกว่าจำนวนหุ้น
o
แต่ถือหุ้นตัวเดียวก็เสี่ยงต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
o
หุ้นที่ได้กำไรมากสุดอาจจะเป็นตัวที่ไม่คาดคิด
o
สามารถสับเปลี่ยนเงินทุนระหว่างหุ้นได้
·
กระจายเงินไปลงทุนในหุ้นหลายๆกลุ่ม
·
การตั้งกฎขายหุ้นอัตโนมัติไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีเพราะเป็นการใช้ราคาหุ้นเป็นตัวชี้มูลค่าพื้นฐานของบริษัท
·
การสับเปลี่ยนหุ้น
o
ออกจากหุ้นแข็งแกร่งเมื่อได้กำไร 30-50%
o
ถือหุ้นโตเร็วตราบเท่าที่กำไรและการขยายตัวยังน่าพอใจ
ขายเมื่อเรื่องราวเริ่มน่าสงสัย
o
ถอนตัวจากหุ้นวัฏจักรและหุ้นฟื้นตัวถ้าพื้นฐานแย่ลงและราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
บทที่17 เวลาที่ดีที่สุดที่จะซื้อและขาย
·
เวลาที่ควรขายหุ้นโตช้า
o
พื้นฐานเริ่มแย่ลง
o
ส่วนแบ่งการตลาดเริ่มลดลง
o
ไม่มีสินค้าใหม่ๆ
o
ซื้อกิจการที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเดิม
o
งบดุลแย่ลง
o
ผลตอบแทนเงินปันผลแย่ลง
·
เวลาที่ควรขายหุ้นแข็งแกร่ง
o
P/Eเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นตัวอื่นๆที่คุณภาพใกล้เคียงกัน
o
สินค้าใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ
o
ไม่มีบุคคลภายในซื้อหุ้น
o
ธุรกิจหลักกำลังเผชิญความเสี่ยง
o
อัตราการเติบโตชะลอตัว
·
เวลาที่ควรขายหุ้นวัฏจักร
o
ต้นทุนเริ่มสูงขึ้น
o
บริษัทเริ่มขยายกำลังการผลิต
o
สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น
o
ราคาสินค้าเริ่มตกต่ำ
o
ราคาสินค้าในตลาดล่วงหน้าต่ำกว่าราคาสินค้าปัจจุบัน
·
เวลาที่ควรขายหุ้นโตเร็ว
o
การขยายตัวเริ่มตัน
o
P/Eเริ่มสูงเกินอัตราการเติบโตของกำไร
o
ยอดขายสาขาใหม่น่าผิดหวัง ยอดขายสาขาเดิมลดลง
·
เวลาที่ควรขายหุ้นฟื้นตัว
o
หลังจากหุ้นฟื้นตัวแล้ว
o
หนี้ที่ลดลงเรื่อยๆเริ่มจะเพิ่มขึ้น
o
สินค้าคงคลังเพิ่มเร็วกว่ายอดขาย
o
P/Eสูงเกินไป
o
ลูกค้าหลักมีน้อยรายและลูกค้ากำลังประสบปัญหาเหมือนกัน
·
เวลาที่ควรขายหุ้นทรัพย์สินมาก
o
เมื่อทรัพย์สินมูลค่ามากถูกค้นพบแล้ว
o
เมื่อบริษัทถูกเทคโอเวอร์
o
เมื่อมีประกาศว่าจะออกหุ้นใหม่เพื่อเอาเงินมาซื้อกิจการ
o
ขาดทุนสะสมลดลงหรืออัตราภาษีนิติบุคคลลดลง
o
นักลงทุนสถาบันถือหุ้นเพิ่มขึ้น
บทที่18 สิ่งที่โง่เขลาที่สุด(และอันตรายที่สุด)ที่คนพูดเกี่ยวกับราคาหุ้น
·
ถ้ามันลงมามากขนาดนี้แล้ว
มันไม่สามารถลงต่ำกว่านี้ได้อีก
ไม่มีกฎที่จะบอกว่าหุ้นควรจะตกลงไปได้เท่าไหร่ในทางทฤษฎี
·
เราบอกได้เสมอว่าเมื่อไหร่ที่หุ้นถึงพื้นแล้ว
เราควรมีเหตุผลที่ดีกว่าในการซื้อหุ้น
เช่นธุรกิจกำลังดีขึ้น มีเงินสดใกล้เคียงกับราคาหุ้น
·
ถ้ามันขึ้นไปสูงขนาดนี้แล้ว
มันจะสูงขึ้นไปอีกได้อย่างไร
ไม่มีลิมิตที่ไร้เหตุผลว่าหุ้นจะสูงขึ้นไปได้อีกเท่าไหร่ถ้าเรื่องราวยังคงดี
กำไรยังเพิ่มขึ้นและพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน
·
มันแค่3เหรียญต่อหุ้น ผมจะขาดทุนได้กี่สตางค์
หุ้นราคาถูกแต่เน่ามีความเสี่ยงเท่ากับหุ้นราคาแพงแต่เน่าถ้าราคามันตกลงมา
·
ในที่สุดมันจะกลับมาเสมอ
หุ้นหลายๆตัวก็ไม่กลับมาอีก
·
มันจะต้องมืดที่สุดเสมอก่อนที่จะสว่าง
บางทีมันก็มืดที่สุดเสมอก่อนที่จะเข้าหลุมดำ
·
เมื่อมันเด้งขึ้นมาที่10เหรียญ ผมจะขาย
ถ้าไม่มั่นใจพอที่จะซื้อหุ้นเพิ่มก็ควรจะขายซะ
·
หุ้นปลอดภัยไม่ผันผวนมาก
บริษัทไม่หยุดนิ่ง
อนาคตเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ไม่มีหุ้นอะไรที่สามารถถือได้โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
·
มันใช้เวลานานเกินไปสำหรับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น
ถ้าพื้นฐานดูมีอนาคต
การอดทนมักจะให้ผลตอบแทนคุ้มค่า
·
กำไรของเราหายไปเพราะเราไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้น
การถือเอากำไรของคนอื่นมาเป็นการขาดทุนส่วนตัวไม่ใช่ทัศนคติที่สร้างสรรค์
·
ผมพลาดตัวนั้น ผมจะจับตัวต่อไป
ตัวต่อไปไม่เคยทำงานได้อย่างที่เราหวัง
ส่วนใหญ่การซื้อบริษัทดีดั้งเดิมในราคาสูงดีกว่าที่จะซื้อบริษัท”ตัวต่อไป”ในราคาถูก
·
หุ้นขึ้น ดังนั้นเราวิเคราะห์ถูก หุ้นลง
ดังนั้นเราวิเคราะห์ผิด
หุ้นที่ขึ้นหรือลงหลังจากที่เราซื้อมันมีความหมายแค่ว่า
มีใครบางคนยอมจ่ายแพงกว่าหรือถูกกว่า
บทที่19 ออปชั่น ฟิวเจอร์ และชอร์ตเซล
·
อันตรายเกินกว่าจะให้ความสนใจ
บทที่20 คนฝรั่งเศส50,000คนอาจจะผิดได้
·
ราคาหุ้นสามารถเคลื่อนไหวตรงข้ามกับพื้นฐานได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
สรุปส่วนที่2
·
บางเวลาที่ตลาดตกลงไปมากเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้น
·
การพยายามทำนายทิศทางตลาดเป็นไปไม่ได้
·
เพื่อที่จะชนะ เราไม่จำเป็นต้องถูกตลอดเวลา
ไม่ต้องถูกเป็นส่วนใหญ่ด้วย
·
หุ้นในกลุ่มที่ต่างกันมีความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกัน
·
ในระยะสั้นราคาหุ้นมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับพื้นฐาน
ในระยะยาวราคาหุ้นจะไปในทางเดียวกันกับความสามารถในการทำกำไร
·
บริษัทที่กำลังแย่ไม่ได้หมายความว่าจะแย่ลงไม่ได้อีก
·
ราคาหุ้นขึ้นไม่ได้หมายความว่าเราถูก
ราคาหุ้นลงก็ไม่ได้หมายความว่าเราผิด
·
ราคาหุ้นที่วิ่งเกินพื้นฐานจะพักหรือตกลงมาในไม่ช้า
·
ไม่ควรซื้อหุ้นของบริษัทที่อนาคตไม่สดใสแม้ว่าราคามันจะถูก
·
ไม่ควรขายหุ้นโตเร็วที่โดดเด่นเพราะเหตุผลแค่ว่าราคาสูงเกินไปแล้ว
·
บริษัทไม่ได้โตโดยไม่มีเหตุผล
หุ้นโตเร็วก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดไป
·
เราไม่ได้ขาดทุนอะไรจากการไม่ได้ซื้อหุ้นที่ประสบความสำเร็จ
·
หุ้นไม่ได้รู้ว่าเราเป็นเจ้าของมัน
·
อย่าประมาทในหุ้นที่ชนะจนเลิกติดตามเรื่องราวของมันอีกต่อไป
·
สับเปลี่ยนหุ้นเมื่อราคามันสูงเกินพื้นฐานและมีตัวอื่นที่ดีกว่า
·
อย่าถอนดอกไม้และรดน้ำวัชพืช
·
ถ้าไม่มั่นใจว่าสามารถเอาชนะตลาดได้
ให้ซื้อกองทุนรวม
·
มีบางสิ่งบางอย่างให้วิตกกังวลเสมอ
·
เปิดกว้างกับความคิดใหม่ๆ